We use cookies to personalise content and to provide you with an improved user experience. By continuing to browse this site you consent to the use of cookies. Please visit our cookie policy for further details. Privacy Policy | Cookies Policy

Tips กระติกฮอทต้าชาร์ป


การใช้กระติกต้มน้ำร้อน ให้ประหยัดไฟฟ้า

  1. ถอดปลั๊กเมื่อเลิกใช้งานแล้ว เพื่อลดการสิ้นเปลืองพลังงาน ไม่ควรเสียบปลั๊กตลอดเวลาถ้าไม่ต้องการใช้น้ำร้อนแล้ว แต่ถ้าต้องการใช้น้ำร้อนติดต่อกัน ก็ไม่ควรดึงปลั๊กออกบ่อยๆ เพราะเมื่อจะใช้งานใหม่ก็ต้องเสียบปลั๊กและเริ่มทำการต้มน้ำใหม่เป็นการสิ้นเปลืองพลังงาน
  2. การรักษาความสะอาดตัวกระติกไฟฟ้า อย่าให้มีตะกรันเกาะด้านในตัวกระติก เพราะจะทำให้สิ้นเปลืองไฟในการต้มมากกว่าเดิม ควรดูแลทำความสะอาดกระติกอย่างสม่ำเสมอ
  3. ไม่ควรนำน้ำที่มีความเย็นจัดมาต้มกับกระติกน้ำร้อนไฟฟ้า เพราะจะทำให้สิ้นเปลืองไฟเพิ่มขึ้นในการปรับอุณหภูมิของน้ำ ควรใช้น้ำอุ่นหรือน้ำที่อุณหภูมิห้อง

ข้อแนะนำในการชงชาจากใบชา

  1. อุณหภูมิน้ำร้อนที่ใช้ชงชาควรมากกว่า 90˚C เทน้ำร้อนล้างกาชาก่อน 1 ครั้ง เทน้ำทิ้งให้หมดกา แล้วจึงใส่ใบชาลงไป 1/3 ของกาชา ทิ้งไว้ 2-3 นาที (ไอน้ำที่ยังเหลืออยู่ในกาชาจะค่อย ๆ ปลุกใบชา เพื่อให้มีกลิ่นหอมขับออกจากใบชา)
  2. เทน้ำร้อนลงในกาชา น้ำร้อนจะทำให้ใบชาตื่นจากภวังค์อย่างเต็มที่
  3. เทน้ำร้อนให้เต็มกาชาแล้วทิ้งไว้ประมาณ 4 นาที จึงรินน้ำชาออกมาเก็บไว้ในเหยือกแก้วต่างหาก ควรรินน้ำให้หมดกา (ชาจะมีรสขม ถ้าทิ้งน้ำชงชาไว้ในกาชาเกินกว่า 4 นาที)
  4. รินชาจากเหยือกแก้วลงในถ้วยดื่ม ควรรินโดยยกเหยือกสูงกว่าถ้วย 1 ฟุต เพื่อให้น้ำชาได้รับออกซิเจนก่อนดื่ม จะทำให้รสชาติดีขึ้น
  5. ยกถ้วยขึ้นดมกลิ่น – ตาสังเกตดูสีของน้ำชา – (สีทองสำหรับชาอูหลง แต่จะมีสีเขียวอ่อนสำหรับชาเขียว) จากนั้นชิมให้ชื่นใจ

ที่มา: www.doichangtea.com

ฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 สำหรับ กระติกน้ำร้อนไฟฟ้า

ฉลากประหยัดไฟ คือฉลากที่บ่งบอกระดับการใช้ไฟฟ้าและข้อมูลเบื้องต้นต่างๆ ของเครื่องใช้ไฟฟ้า เช่น ประสิทธิภาพ ค่าใช้จ่ายต่อปี เพื่อให้ผู้ใช้สามารถเลือกซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าได้อย่างเหมาะสมและประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว ฉลากประหยัดไฟจะมีระดับความประหยัดตั้งแต่เบอร์ 1 ถึงเบอร์ 5 โดยที่เบอร์ 5 หมายถึงประหยัดไฟมากที่สุด

โครงการกระติกน้ำร้อนไฟฟ้าเบอร์ 5 ดำเนินการครั้งแรกใน พ.ศ. 2553 โดยครอบคลุมกระติกน้ำร้อนทุกขนาด โดยรุ่นที่ผ่านการทดสอบและได้รับฉลากประหยัดไฟ เบอร์ 5 จะต้องมีค่าประสิทธิภาพพลังงานความร้อน ร้อยละ 95

ข้อมูลเกี่ยวกับ ฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 ของกระติกน้ำร้อนไฟฟ้า

ท่อนิรภัย (Safety pipe) คืออะไร

ท่อนิรภัย เป็นอุปกรณ์ติดตั้งพิเศษ ทำจากสเตนเลสไม่เป็นสนิม ตลอดอายุการใช้งาน ช่วยป้องกันไม่ให้น้ำในกระติกแห้ง เมื่อท่านกดปุ่ม “pump” ขณะที่ระดับน้ำในกระติกต่ำกว่าระดับความสูงของท่อนิรภัย น้ำจะไม่ไหลออกจากท่อรินน้ำ ซึ่งเป็นการเตือนให้ท่านเติมน้ำในกระติก ท่อนิรภัยไม่ได้ถูกติตตั้งมาจากโรงงานผลิต ดังนั้นก่อนเริ่มใช้งาน ควรนำท่อนิรภัย (บรรจุอยู่ในซองพลาสติก) เสียบเข้าที่ท่อน้ำออก บริเวณก้นกระติกก่อน (ท่อนิรภัยจะมีในกระติกฮอทต้าชาร์ปเฉพาะรุ่น KP-Y32P, KP-Y40P)

เมื่อตัวกระติกด้านในเป็นคราบตะกรันตะกรัน

คราบตะกรันเกิดขึ้นได้อย่างไร

เมื่อเราต้มน้ำในภาชนะ โดยเฉพาะในกระติกน้ำร้อน หรือกาต้มน้ำ บางครั้งจะสังเกตุว่ามีคราบขาว ๆ ลอยปะปนอยู่ในน้ำ และเมื่อทิ้งไว้ตกตะกอนเป็นแผ่นคล้ายหินปูนเกาะอยู่กับภาชนะนั้น คราบเหล่านี้คือ "ตะกรัน" ตะกรัน คือ กลุ่มหินปูนจำพวกเกลือแคลเซียม แมกนีเซียมที่มากับน้ำที่เรานำต้ม ซึ่งมีอยู่ทั่วไปทุกแหล่งน้ำรวมทั้งน้ำประปา แต่อาจพบมากในน้ำบาดาล, น้ำฝน หรือน้ำที่มีแร่ธาตุแคลเซียม เมื่อมีการต้มน้ำและน้ำได้ระเหยกลายเป็นไอ ก็จะทิ้งหินปูนพวกนี้ก็จะตกตะกอน กลายเป็น ตะกรัน

การล้างคราบตะกรันในกระติก

  • ใช้น้ำส้มสายชูผสมกับน้ำ (อัตราส่วน 1 : 1) เทลงในกระติกจนถึงระดับ FULL แล้วจึงเสียบปลั๊ก
  • ต้มน้ำจนเดือด ประมาณ 1 ชั่วโมง ถอดปลั๊กออกแล้วจึงเทน้ำทิ้งให้หมด ใช้ฟองน้ำถู แล้วล้างออกด้วยน้ำเปล่าให้สะอาด จนกว่ากลิ่นน้ำส้มสายชูจะหมดไป
  • ให้เติมน้ำ และเสียบปลั๊กต้มใหม่อีกครั้ง แล้วจึงเทน้ำทิ้งออกให้หมด ก่อนใช้งานปกติ

หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับคุณภาพน้ำประปา สามารถดูรายละเอียดได้ที่ http://cwc.mwa.co.th/index.php?page=showarticle_tab.php

เลือกใช้ขนาดกระติกต้มน้ำร้อนให้เหมาะสมกับปริมาณการใช้น้ำร้อนในแต่ละวัน

ถ้าใช้น้ำร้อนไม่เกิน 5 แก้วต่อวัน ควรเลือกซื้อกระติกขนาด 1.6 ลิตรก็พอ ไม่จำเป็นต้องใช้ขนาดที่ใหญ่กว่านี้ เพราะเมื่อเทียบกับการใช้ไฟขณะต้มน้ำ 1 กระติก ขนาด 1.6 ลิตร จะใช้เวลาต้มน้ำประมาณ 10 นาที กินไฟประมาณ 30-35 สตางค์ ถ้าใช้น้ำร้อนประมาณ 10-12 แก้วต่อวัน ควรเป็นกระติกขนาด 2.8 ลิตร จะใช้เวลาต้มน้ำประมาณ 20 นาที กินไฟประมาณ 60-70 สตางค์

หมั่นตรวจระดับน้ำภายในกระติกจะเกิดผลดีกับผู้ใช้

การปล่อยให้ระดับน้ำในกระติกของท่านลดต่ำลงมาก ๆ โดยไม่เติมน้ำ จะทำให้น้ำแห้งหมดกระติก เกิดการชำรุดเสียหายต่ออุปกรณ์ต่าง ๆ ของเครื่อง เป็นเหตุให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมโดยไม่จำเป็น ทางที่ดีควรตรวจระดับน้ำอย่างสม่ำเสมอ